พิจิตร ชาวนา 2 ตำบล เปิดศึกวิวาทะเหตุฝนตกต่อเนื่องใครก็ไม่อยากให้น้ำท่วมต่างคนต่างคิดโชคดีคุยกันรู้เรื่อง

 

พิจิตร ชาวนา 2 ตำบล เปิดศึกวิวาทะเหตุฝนตกต่อเนื่องใครก็ไม่อยากให้น้ำท่วมต่างคนต่างคิดโชคดีคุยกันรู้เรื่อง

วันที่ 24 ก.ค. 2560 นายเรืองเดช สร้อยคำ ปลัดอาวุโสอำเภอสากเหล็ก จ.พิจิตร,นายสุรเชษฐ์ เหรียญดำรงพร ปลัดฝ่ายความมั่นคง, รท.บันเทิง พ่วงดี สัสดีอำเภอสากเหล็ก, นายพิศ วิริยะอารีธรรม รองประธานสภาอบจ.พิจิตร,นางเกษรา อุดมพันธ์ เกษตรอำเภอสากเหล็ก และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่ดูสถานการณ์ที่ขณะนี้ในเขตอ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับ อ.สากเหล็ก ได้เกิดฝนตกหนักและต่อเนื่อง จึงทำให้มีมวลน้ำจำนวนมากจากเทือกเขาวังทองไหลบ่าเข้ามาตามลำคลองต่างๆ ส่งผลให้ขณะนี้พื้นที่หมู่ 1,2,3,5,13,14 มีปริมาณน้ำจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าหากมีฝนตกลงมาซ้ำเติมนาข้าวเกือบ 1 พันไร่ อาจได้รับผลกระทบเสียหาย ชาวนาจึงอยากให้เร่งระบายน้ำจากคลองสากเหล็ก ซึ่งต้นคลองรับน้ำมาจากเขตบ้านมุง อ.เนินมะปราง แต่ปลายคลองจะไหลผ่าน ต.หนองปลาไหล ต.บ้านบุ่ง ส่งต่อไปยังประตูระบายน้ำบ้านหัวดงที่สามารถส่งน้ำลงไปยังแม่น้ำน่านได้ แต่ปรากฏว่าขณะนี้น้ำที่อยู่ในคลองในพื้นที่ของ ต.สากเหล็ก น้ำมีปริมาณมาก ไม่สามารถระบายน้ำได้เนื่องจากในลำคลองมีประตูน้ำ ซึ่งก็มีผักตบชวา วัชพืช และขยะต่างๆ มาอุดตัน ในส่วนของ นายสมควร ภู่ประเสริฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสากเหล็ก ได้นำคนงานและรถแบ็กโฮดำเนินการกำจัดวัชพืชและขยะที่กีดขวางทางน้ำแล้ว แต่ด้วยลำคลองมีความยาวหลายสิบกิโลเมตร และมีความคดเคี้ยวบางช่วงบางตอนลำคลองก็แคบเล็กเป็นคอขวด จึงทำให้การระบายน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ทำการเกษตรดังกล่าวข้างต้น


การลงพื้นที่ของฝ่ายปกครอง-ทหาร เพื่อดูแนวทางแก้ไขและระบายน้ำซึ่งได้ไปที่บริเวณประตูระบายน้ำที่หมู่ 13 บ้านคลองโพธิ์ ต.หนองปลาไหล มีชาวบ้านทั้งสองฝ่ายเกือบ 30 คน มาตั้งท่าคุมประตูระบายน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวสากเหล็กอยากให้เปิดทางน้ำ ส่วนชาว ต.หนองปลาไหล และ ต.บ้านบุ่ง ไม่อยากให้เปิดทางน้ำกว้างไปกว่านี้ เนื่องจากเกรงว่าน้ำจะท่วมนาข้าวของตน ต่างฝ่ายต่างมีวิธีคิดและวิธีทำที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้เกิดวิวาทะถกเถียง แต่สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าขอให้ผ่านฤดูน้ำหลากปีนี้ไปก่อน โดยจะไม่ขุดหรือทำลายคันดินแต่จะหาวิธีระบายน้ำร่วมกันในรูปแบบคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำเรื่องจึงได้จบลงโดยไม่มีความรุนแรงหรือขัดแย้ง
นายคมศร เนียมจันทร์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159/5 หมู่ 4 ต.บ้านบุ่ง อ.เมืองพิจิตร , นายประจวบ ศรีฉ่ำ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/4 หมู่ 12 บ้านวังกระเปา ต.สากเหล็ก กล่าวร้องทุกข์ว่า ขณะนี้นาข้าวของตนกำลังจะจมน้ำได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ที่มีน้ำหลากเป็นจำนวนมากเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีไม่มีการแก้ไขแบบยั่งยืน ทั้งๆที่หลายคนก็รู้ว่าปัญหาเกิดจากประตูน้ำที่หมู่ 13 บ้านโพธิ์ทอง ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน ซึ่งจุดนี้ประตูน้ำเล็กและแคบมาก ทำให้ระบายน้ำไม่สะดวกมองเห็นได้ชัดเจนว่า ด้านเหนือของประตูน้ำในคลองปริมาณน้ำอยู่สูงกว่าด้านใต้ของประตูน้ำ เกือบ 1 เมตร วิธีการแก้ไขอยากให้ทำเป็นฝายน้ำล้นหรือใช้หลักวิชาการเข้ามาแก้ไข ชาวบ้านร้องทุกข์เช่นนี้มาหลายปีติดต่อกันแต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขยังคงปล่อยให้น้ำท่วมนาข้าว แล้วรัฐบาลก็ต้องเอาเงินภาษีมาจ่ายชดเชยให้กับเกษตรปีหนึ่งๆหลายล้านบาท แต่ถ้าใช้งบประมาณ 3-4 ล้านบาท ก็สามารถแก้ปัญหาได้แบบถาวร แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงอยากฝากให้ผู้ที่มีอำนาจและเกี่ยวข้องหันมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ด้วย แต่ควรมาทำในช่วงฤดูแล้ง


สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ที่หมู่ 3 ต.หนองปลาไหล มีพื้นที่นาข้าวถูกน้ำท่วมประมาณ 350 ไร่ ส่วนในเขต อ.ทับคล้อ ระดับน้ำเริ่มลดลง เหตุเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาปริมาณน้ำมีน้อย แต่ถ้าหากในช่วงวันที่ 27-28 ก.ค. 2560 พายุเซินกาที่มีรายงานว่าจะขึ้นภาคเหนือของไทยแล้วอาจทำให้มีฝนตกในเขต อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และ อ.วังโป่ง อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ก็จะทำให้มีน้ำป่าไหลหลากเข้ามาอีก ก็คาดว่าคงจะต้องถูกน้ำท่วมซ้ำซากในจุดเดิม คือ แถบชุมชนตลาดใต้และอีกหลายแห่งของ อ.ทับคล้อ ล่าสุด นายโสภณพงศ์ เหตานุรักษ์ นายอำเภอทับคล้อ ได้บูรณาการกำลังชาวบ้าน-ทหาร-เจ้าหน้าที่ของ ทต.ทับคล้อ ลงพื้นที่ช่วยกันกำจัดวัชพืชเพื่อเปิดทางน้ำแล้วทำให้สถานการณ์ดีขึ้น


สิทธิพจน์ พิจิตร

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์   http://www.siamfocustimenews.com

Related posts