แชร์ลูกโซ่ ระบาดหนักทุกหย่อมหญ้า ผู้เสียหายตบเท้าร้องดีเอสไอต่อเนื่อง

 

แชร์ลูกโซ่ ระบาดหนักทุกหย่อมหญ้า ผู้เสียหายตบเท้าร้องดีเอสไอต่อเนื่อง ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย เสนอ 3 ข้อปราบปรามแชร์ลูกโซ่ให้หมดจากสังคมไทย วอนรัฐบาลใส่ปัญหานี้ในยุทธศาสตร์ชาติ เหตุแชร์ลูกโซ่ เป็นภัยต่อสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคงของไทย


นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ทางสมาพันธ์ฯ ได้นำผู้เสียหายจากแชร์ลูกโซ่จากหลายจังหวัด เข้าร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี โดยมี พ.ต.ท. อานนท์ อุนทริจันทร์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ1 เป็นผู้รับเรื่อง

นายสามารถ กล่าวว่า ประชาชนที่มาร้องต่อดีเอสไอ ครั้งนี้มาจาก นราธิวาส ตาก สงขลา นครราชสีมา กำแพงเพชร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ฯลฯ ที่ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ที่มีการชักชวนให้ลงทุน เหมืองแร่ทองคำ skt , mkt และ หลอกลวงลงทุนในยางพารา ชื่อ trb โดยมีการชักชวนให้ลงทุนใน skt หุ้นละ 2800 บาท ได้ปันผลสัปดาห์ละ 200 บาท ส่วนใครชักชวนได้ค่าแนะนำ 10% จากการลงทุน

โดยหนึ่งในตัวแทนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงใน skt ชื่อ นาย เกษม มาชคาน เป็นผู้เสียหายจากจังหวัดเชียงราย โดยถูกลูกค้าที่มาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า มาชักชวนให้ลงทุน โดยลงทุนครั้งแรก 28,000 บาทได้ปันผลมา 4 สัปดาห์ จึงมีการลงทุนเพิ่ม 56,000 บาทได้ปันผลมา เพียง 2 สัปดาห์ จึงเสียหายอยู่ 68,000 บาท จึงเดินทางมาร้องทุกข์ในครั้งนี้

ส่วน mkt หุ้นละ 2900 บาท ได้ผลตอบแทน สัปดาห์ละ 300 บาท ถ้าชักชวนคนมาลงทุนจะได้ปันผล 10% จากค่าแนะนำและ สุดท้ายก็มีการหลอกลวงให้ลงทุนในยางพารา เป็นล็อตละ 2500 บาท ได้ปันผลเดือนละ 10%

นาง ปราณี ดาราโชค เป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ถูกหลอกลงทุน 140,000 บาท โดยได้รับผลมาแค่ 28,000 บาท สุดท้ายก็ถูกหลอกให้เหตุผลว่าเงินทุนหมด จึงได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

โดยเหตุที่เชื่อว่าเป็นการลงทุนจริง เพราะมีภาพของนาย มะเซะ บากา มีการรับรางวัล อุตสาหกรรมไทย พร้อมทั้งยังมีการบริจาคเงินให้พรรคการเมืองอีกด้วย มีภาพกับข้าราชการตำรวจยศตำรวจเอกด้วย จึงทำให้ประชาชนหลงเชื่อ จึงคิดว่าไม่ผิดกฏหมายจึงเข้าร่วมลงทุน ผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์กล่าว

นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลมีมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามแชร์ลูกโซ่ เพราะอาชญากรรมดังกล่าว ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยมาตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน ที่ประเทศชาติต้องเสียหายนับแสนล้านบาท และทำลายครั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงประเทศ

ดังนั้น จึงขอเสนอให้รัฐบาลมีการแก้ไขปัญหาดังต่อไปนี้ 1. ให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพิ่มโทษผู้กระทำความผิดในฐานฉ้อโกงประชาชน ที่แต่เดิมมีอัตราโทษเพียงแค่ 3-5 ปีเป็น 7-14 ปี เพื่อทำให้มิจฉาชีพติดคุกอย่างต่ำ50 ปี

“เหตุที่ต้องเสนอแบบนี้ เพราะเราเห็นตัวอย่างคดีแชร์ลูกโซ่ที่แม้จะมีโทษเป็นหมื่นปีแสนปี แต่ติดจริงไม่กี่ปี อย่างเช่น คดียูฟันศาลพิพากษาจำคุกจำเลยคดีนี้ 22 คน ตั้งแต่ 12,255-12,267 ปี แต่มิจฉาชีพติดจริงแค่ 20 ปี เพราะมีกฎหมายอาญามาตรา 91 (2) ระบุว่าถ้าอัตราโทษไม่ถึง 10 ปี ลงโทษได้ไม่เกิน 20 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้เสียหายที่บางรายถึงขั้นฆ่าตัวตาย ควรมีการคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายเหล่านี้ ด้วยการลงโทษผู้กระทำผิดสถานหนัก เพื่อทำให้มิจฉาชีพเกรงกลัวกฎหมายและไม่กล้าทำความผิดแบบนี้อีก”

2. ภาครัฐควรมีหน่วยงานลักษณะ “One Stop Service บริการแบบเบ็ดเสร็จรับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อในธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือฉ้อโกงโดยเฉพาะ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนไม่ทราบที่แจ้งความอย่างชัดเจน

“ปัญหาที่พบคือ เมื่อเกิดฉ้อโกงขึ้น แต่ประชาชนไม่รู้จะไปแจ้งที่ไหน สถานีตำรวจ กองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ประชาชนไม่เข้าใจ และบางครั้งหน่วยงานที่ไปแจ้งก็ไม่รับแจ้ง เพราะฉะนั้น ต้องมีหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนโดยเฉพาะ มีเจ้าภาพที่ชัดเจน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีประชาชนตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ทุกวัน”

3. รัฐบาลควรมีปฏิบัติการเชิงรุก มีกระบวนการเยียวยาผู้เสียหายให้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการสร้างการรับรู้ แสวงหาตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิดที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือฉ้อโกงประชาชน ไม่รอให้เกิดความเสียหายจำนวนมหาศาลขึ้นก่อน

“อยากให้รัฐบาลบรรจุเรื่องนี้ให้อยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ เพราะแชร์ลูกโซ่เป็นปัญเป็นอาชญากรเลือดเย็น ฆ่าคนทั้งเป็นได้ อย่าหลงเชื่อเขาเด็ดขาด แม้เป็นข้อมูลจากคนใกล้ตัว หากไม่ชอบมาพากลหรือมีผลประโยชน์น่าสงสัย ขอให้ตั้งสติและตรวจสอบก่อนอย่างรอบคอบ ที่สำคัญถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคนต้องเข้ามาร่วมมือกันเพื่อปราบปรามแชร์ลูกโซ่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยตกเป็นเหยื่อและกลายเป็นปัญหาของสังคม เพราะนั่น คือทุกข์ของคนไทยทุกคน” นายสามารถ กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์   http://www.siamfocustimenews.com

Related posts