ก.แรงงาน ผนึก 15 หน่วย ชู เอกลักษณ์อาหารไทย ขับเคลื่อนครัวไทยสู่ครัวโลก

ก.แรงงาน ร่วมผนึกกำลังลงนามความร่วมมือรวม 15 หน่วยงาน สร้างบุคลากรด้านพ่อครัวแม่ครัวไทย สร้างเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมความเป็นไทย ส่งเสริมรสชาติอาหารไทย“ปลัดแรงงาน”ชื่นชมผู้ประกอบการลงทุนเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ จนอาหารไทยเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
นำรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 4 แสนล้านบาท

หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธี “ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมและขับเคลื่อนนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก” ณ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ โดยกล่าวว่า ความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในวันนี้เพื่อส่งเสริมรสชาติอาหารไทยให้คงเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมความเป็นไทยเอาไว้ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอีกก้าว ในการขับเคลื่อนนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาลเพื่อให้สามารถนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศอีกทางหนึ่ง


ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า ขอชื่นชมและขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้มามีส่วนร่วมทั้ง
15 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาลัยดุสิตธานี โรงเรียนสอนอาหารครัววันดี ภัตตาคารบลูเอเลเฟ่นท์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรด้านพ่อครัวแม่ครัวให้ร้านอาหารไทยทั่วโลก ซึ่งในแต่ละปีสามารถนำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท การต่อยอดในครั้งนี้จะทำให้เกิดการมีงานทำ และสร้างความมั่นคงให้กับบุคลากรด้านอาหาร นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะเดียวกันขอชื่นชมผู้ประกอบการที่ได้ไปลงทุนเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศจนทำให้รสชาติอาหารไทยติดอันดับความนิยมไปทั่วโลก


ทั้งนี้ ภาครัฐจะช่วยสนับสนุนให้ร้านอาหารไทยได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น การลงนามความร่วมมือ
ในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะบูรณาการร่วมกันให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการขับเคลื่อนนโยบายครัวไทย
สู่ครัวโลก สำหรับบทบาทของกระทรวงแรงงาน จะมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในสาขาอาหารไทย เพื่อทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ารสชาติของอาหารในแต่ละร้านจะสอดคล้องกับรสชาติมาตรฐานอาหารไทย กรมการจัดหางานจะดูแลอำนวยความสะดวกการจัดส่งพ่อครัว – แม่ครัวไปทำงานในต่างประเทศ

 

ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์   http://www.siamfocustimenews.com

Related posts