รวบคนร้ายจี้ชิงรถยนต์พร้อมของกลางรถกระบะที่คนร้ายขับไปติดหล่มนำตัวทำแผนในจุดเกิดเหตุ (ชมคลิป)

ปราจีนบุรี-รวบคนร้ายจี้ชิงรถยนต์พร้อมของกลางรถกระบะที่คนร้ายขับไปติดหล่มนำตัวทำแผนในจุดเกิดเหตุ

 

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 19.15 น.วันของวันที่ 13 ตุลาคม 2561 ร.ต.อ.จักรพล ใจเชื่อม ร้อยเวรสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ รับแจ้งเหตุว่า มีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้รถยนต์กระบะสาวโรงงาน บริเวณปั้มน้ำมัน ESSO ตลาด 304 พลาซ่า ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.ศรีมหาโพธิ ทราบ จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุพบ น.ส.จริยา บุญเจริญ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ม.3 ต.โนนขมิ้น อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู อยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่ขึ้น หลังจากถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ก่อนชิงเอารถยนต์ไป โดยรถยนต์ที่คนร้ายได้ไปนั้น เป็นรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็ก สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน ฒก 8786 กทม.จากการสอบถาม น.ส.จริยา บุญเจริญ เล่าว่าตนได้นั่งรถคันดังกล่าว มาจากจังหวัดปทุมธานี โดยมี พลทหารกริชฎากรณ์ ชัยชนะแสง อายุ 21 ปี ซึ่งเป็น พลทหาร ม.พัน.9 พล.ร.4 ค่ายพระสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก เป็นผู้ขับขี่ เมื่อถึงตลาด 304 ม.2 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เวลา 19.15 น. สามีได้จอดรถที่บริเวณปั้มน้ำมัน ESSO ภายในตลาด 304 พลาซ่า ขณะนั้นตนได้นั่งรอสามีอยู่ภายในรถ ให้สามีกับบุตรชายวัย 4 ขวบ ลงไปซื้อกับข้าวเพื่อนำกลับไปกินยังห้องพัก ที่ตลาดคลองรั้งสายใน จากนั้นได้มีคนร้ายเป็นชาย สวมกางเกงยีนส์ขายาว สวมเสื้อกีฬาแขนสั้น สีฟ้าขาว อายุประมาณ 30 ปี รูปร่างผอมสูง ได้เปิดประตูด้านคนขับแล้วขึ้นมานั่งพร้อมชักอาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ จี้ให้ตนลงจากรถ จากนั้นคนร้ายได้ขับรถหนีออกไปทางจุดสกัด 304 ตนจึงได้ร้องให้ตะโกนให้คนช่วย โดยมีเจ้าของร้านเสริมสวยเปิดประตูร้านออกมาสอบถาม และช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ หลังจากนั้นได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันแจ้งความที่ สภ.ศรีมหาโพธิ


หลังจากตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วทางด้านพล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุก สภ. และประสานในเขตพื้นที่รอยต่อ ตั้งจุดสกัด ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี ตลอดเกือบทั้งคืน ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ของวันนี้ 14 ตุลาคม 2561 เจ้าหน้าที่สอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ ได้รับการประสานงานจาก ร.ต.อ.วีระชัย นามสกุณา พนักงานสอบสวน สภ.ปากพลี จ.นครนายกว่า มีชาวบ้านแจ้งว่าพบรถยนต์ คันดังกล่าวจอดทิ้งอยู่ข้างทุ่งนา คาดว่าน่าจะเป็นรถยนต์ที่คนร้ายจี้ชิงทรัพย์มาจาก 304 ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี หลังจากได้รับแจ้ง เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พร้อมด้วยพ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.ศรีมหาโพธิ พล.ต.ต.นราเดช กลมทุกสิ่ง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานปราจีนจันบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุที่พบรถยนต์ ซึ่งในที่เกิดเหตุเป็นถนนทางเข้าหมู่บ้าน จากถนนสาย 33 สุวรรณศร นครนายก-ปราจีนบุรี เข้าไปในหมู่บ้านหัวลิง ม.3 ต.หนองแสง อ.ปากพลี จ.นครนายก ข้างคลองน้ำ ใกล้กับทุ่งนา พบรถยนต์ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน ฒก 8786 กทม.ที่เป็นรถยนต์ที่ตรงกับที่ถูกจี้มาจาก นิคม 304 ปราจีนบุรี เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา โดยรถยนต์คันดังกล่าวได้ถูกจอดทิ้งไว้ แต่ไม่พบตัวคนร้าย โดยสภาพล้อรถยนต์ด้านหลังซ้ายติดหล่มลึก จนไม่สามารถขับเคลื่อนไปไหนได้ ซึ่งภายในถูกรื้อค้นจนข้าวของกระจาย ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บรอยนิ้วมือแฝงโดยรอบบริเวณตัวรถยนต์เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับคนร้ายในแฟ้มอาชญากรรม


จากการสอบถาม ร.ต.ท.กิตติวัฒน์ บุญเขียน รอง.สวป. สภ. ปากพลี เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจตำรวจชุมชนตำบลหนองแสง กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจาก นายทัศนัย ลาหอม เจ้าของนาข้าว ใกล้ที่พบรถยนต์ ว่าตนมาดูนาข้าว และได้พบรถต้องสงสัยจึงมาแจ้งตำรวจที่จุดตรวจดังกล่าว โดยเบื้องต้นคิดว่าเป็นรถยนต์ที่ชาวบ้านมาหาปลา แต่หลังจากตนเข้าไปดูนาแล้วกลับมายังพบรถยนต์จอดอยู่ที่เก่าจึงแจ้งตนให้ออกมาดู จากนั้นจึงได้แจ้งเข้าศูนย์วิทยุ ให้ร้อยเวร สภ.ปากพลี ทำการตรวจสอบ จนทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงมาจาก ตลาด 304 พลาซ่า เขตท้องที่ สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จึงได้มีการประสานเจ้าหน้าที่สอบสวน สภ.ปากพลี และ สภ.ศรีมหาโพธิ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณที่พบรถยนต์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์กลับ สภ.ศรีมหาโพธิ พร้อมแจ้งให้ผู้เสียหายทราบ ส่วนคนร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยจนสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณบ้านเนินหอม ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ทราบชื่อคือนายณฤพล จอมศรี อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 14/33 ม.2 ต.คลองอุดมชลขจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา และจากการตรวจค้นภายในตัวพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์จำนวน 2 กระบอก พร้อมทั้งทรัพย์สินของผู้เสียหายยังอยู่ในตัวของคนร้ายรายนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำโดยผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ก่อนที่จะนำตัวไปทำแผนรับสารภาพ และดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน ครอบครองอาวุธปืนโดนไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในที่สาธารณโดยมีมีเหตุอันควร ////////////////


ภาพ/ข่าว ณัฐวัฒน์ กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

Related posts